Last updated: 27 ธ.ค. 2568 | 1 จำนวนผู้เข้าชม |
5 สารสกัดบำรุงสุดพรีเมียม อัปเกรดแบรนด์ลิปทิ้นให้ดูแพง (Update 2026)
ในปี 2026 ลูกค้าไม่ได้มองหาแค่ "สีที่ติดทน" แต่เขามองหา "ลิปที่เป็นสกินแคร์" หากคุณกำลังจะสั่งผลิตลิปทิ้น นี่คือ 5 ส่วนผสมระดับเคาน์เตอร์แบรนด์ที่ควรใส่ลงในสูตรเพื่ออัปมูลค่าสินค้าครับ

1. PDRN (Salmon DNA / Vegan Phyto-PDRN)
ทำไมถึงต้องมี: สารสกัดสุดฮอตจากเกาหลีที่ช่วยฟื้นฟูผิวระดับ DNA ช่วยซ่อมแซมริมฝีปากที่คล้ำเสียและแห้งกร้านให้กลับมาดูอมชมพูและสุขภาพดีจากภายใน
คำเคลมเพื่อการตลาด: "ลิปทิ้นบำรุงลึกระดับเซลล์ ช่วยฟื้นฟูสีปากธรรมชาติให้ดูสดใส"
2. Multi-Molecular Hyaluronic Complex
ทำไมถึงต้องมี: ปี 2026 การใส่ไฮยาตัวเดียวไม่พอแล้ว ต้องเป็น "ไฮยาหลายขนาดโมเลกุล" เพื่อให้ความชุ่มชื้นทั้งชั้นนอกและซึมลึกไปเติมเต็มร่องปากให้ดูอิ่มฟู (Plumping Effect) โดยไม่ต้องพึ่งฟิลเลอร์
คำเคลมเพื่อการตลาด: "เติมเต็มร่องปากให้อิ่มฟู ฉ่ำวาวทันทีที่ทา พร้อมกักเก็บความชุ่มชื้นยาวนาน 48 ชั่วโมง"
3. Exosomes (Plant-Derived)
ทำไมถึงต้องมี: นวัตกรรมที่มาแรงที่สุดในปี 2026 เอ็กโซโซมจากพืชช่วยส่งสัญญาณให้ผิวริมฝีปากสร้างคอลลาเจนเองตามธรรมชาติ ทำให้ปากดูอ่อนเยาว์ ไม่เหี่ยวย่นตามวัย
คำเคลมเพื่อการตลาด: "ลิปทิ้นชะลอวัย (Anti-Aging Lip Tint) ล็อกผิวปากให้ตึงกระชับ เรียบเนียน"
4. Elderberry Extract (Upcycled Pigment)
ทำไมถึงต้องมี: เทรนด์ความยั่งยืน (Sustainability) มาแรง การใช้เม็ดสีที่สกัดจากธรรมชาติและเป็นวัสดุเหลือใช้จากการเกษตร (Upcycled) จะทำให้แบรนด์ของคุณดูเป็น "Clean Beauty" ระดับพรีเมียม
คำเคลมเพื่อการตลาด: "เม็ดสีออร์แกนิคจากธรรมชาติ 100% ปลอดภัยแม้ผิวแพ้ง่าย พร้อมสารต้านอนุมูลอิสระจากเบอร์รี่"
5. Ceramide & Peptide Shield
ทำไมถึงต้องมี: ทำหน้าที่เป็นเกราะป้องกันริมฝีปากจากมลภาวะและ PM 2.5 ในปี 2026 สารกลุ่มนี้ช่วยลดการระคายเคืองและป้องกันปากดำจากการแพ้ลิปสติกทั่วไป
คำเคลมเพื่อการตลาด: "เสริมเกราะป้องกันริมฝีปาก ลดการระคายเคือง ป้องกันปากดำจากมลภาวะ"
